| ชื่อเรื่อง |
โครงการชุมชนเข้มแข็งป้องกันอุบัติเหตุแบบมีส่วนร่วม ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น |
| บทคัดย่อ (ไทย) |
เป็นที่ทราบกันดีว่า พฤติกรรมการเสี่ยง (การเกิดอุบัติเหตุเป็นเรื่องโชคชะตา , การไม่เห็นความสำคัญของปัญหาอุบัติเหตุ , การไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรอันเนื่องมาจากความไม่สมดุลระหว่างความเจริญทางวัตถุ (ถนน) และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนที่เคยมีความสะดวกสบาย เป็นต้น)ทำให้การบังคับใช้กฎหมายด้านการจราจรไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น อบต.หนองน้า ใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จึงได้ระดมความคิดเห็นสร้างความเข้มแข็งในชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์ ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาโดยผ่านกระบวนการประชาคมในระดับหมู่บ้าน และตำบล ตามลำดับโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เป็นทุนตั้งต้น เช่น หน่วยกำลังปฏิบัติคือ อปพร. หน่วยบังคับใช้กฎหมาย คือ ตำรวจ หน่วยสร้างจิตสำนึก คือโรงเรียน หน่วยของชุมชน คือการประชาคม และภาคีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวิธีการดำเนินการ คือ การปรับฐานความรู้ อปพร.ให้ความรู้สร้างความเข้าใจ ฝึกงานด้านการจราจร จนสามารถปฏิบัติงานด้านการจราจรควบคู่ไปกับตำรวจได้ ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง อบต.ฯ ก็ทำการประชาคมคนในชุมชน โดยเชิญภาคีอุบัติเหตุเข้าร่วมสังเกตการณ์ จนได้มติประชาคมเกิดขึ้น ในมิติด้านอุบัติเหตุข้อหนึ่งได้กา หนดให้ผู้ขับขี่รถ จยย.ต้องสวมหมวกกันน็อค ฝ่ าฝืนปรับ 10 บาทโดยมอบหมายให้ อปพร.ประสานงานกับตา รวจเพื่อศึกษาข้อกฎหมาย และสามารถให้ใช้มติประชาคมควบคู่ไปกับกฎหมายได้อย่างลงตัว โดยมีแนวทาง/รูปแบบการดาเนินการ คอื ให้มีการบูรณาการด้วยการประชาสัมพันธ์ให้คนในชุมชนทราบทั่วกันทุกรูปแบบ แล้วดา เนินการตั้งจุดตรวจแบบบูรณาการ กล่าวคือ ให้ อปพร.ตั้งจุดตรวจฯ โดยมีตา รวจเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คา แนะนา อปพร.(อปพร.จะต้องเรียกผู้ขับขี่ที่กระทา ผิดมาเพื่อซักถามเป็นข้อมูล และรณรงค์ให้สวมหมวกฯ ในเบื้องต้น หากพบการกระทา ผิดครั้งต่อไป จะทา การปรับโดยใช้มติประชาคม ปรับ 10 บาท และจดสถิติไว้นำปัญหาอุปสรรคเข้าประชาคมหมู่บ้าน) เพื่อหาแนวทางแก้ไขในครั้งต่อไป ทา เช่นนี้เรื่อยๆผลการดาเนินการ / จุดเด่น เป็นที่น่าพอใจซึ่งก็มีเป็นหาอุปสรรคบ้างแต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ เช่น
1. บุคคลที่กระทา ผิดแล้วไม่ยอมรับมติประชมคม (ปรับ 10 บาท) เมื่อเข้าประชาคมหมู่บ้านโดยคา แนะนำของตา รวจบุคคลดังกล่าว อปพร.ก็สามารถให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายได้ โดยการออกใบสั่ง, ยึดรถตรวจสอบตามที่กฎหมายจราจร หรือกฎหมายอื่นๆบัญญัติไว้
2. ค่าปรับที่ได้นำเข้าประชาคมเพื่อหาแนวทางการใช้จ่ายเงิน แต่ส่วนหนึ่งต้องนำกลับมาเป็นสวัสดิการให้กับ อปพร.ผู้จับกุม (ยึดแนวทางตามระเบียบการเบิกจ่ายรางวัลนา จับของ พรบ.จราจร.ฯ)
3. ผู้ใช้เส้นทางที่มาจากตำบลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในหมูบ้านที่มีมติประชาคม ต้องปฏิบัติตามมติประชาคม โดยก่อนดา เนินการได้มีการทา หนังสือราชการถึงตา บลข้างเคียง และได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าประชุมในวาระอำเภอ ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการซึ่งมีนายอำเภอเป็นประธาน ทุกเดือนปัญหา/อุปสรรคในเบื้องต้นอาจมีแรงต้านบ้างตามปกติของการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเป็นมติประชาคม และกระบวนการที่ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งทางด้านการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ ปลูกจิตสำนึกควบคู่ไปกับการใช้กฎมติประชาคมที่สอดรับการการบังคับใช้กฎหม
ายของตำรวจจราจร ภายใต้ภาคีอุบัติเหตุระดับอำเภอ ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน ตลอดไปปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ ซึ่งยังไม่มีปัญหาอุปสรรใดๆ แต่โครงการก็ยังไม่สามารถสรุปว่าจะสัมฤทธิ์ผลตามเป้ าหมายที่วางไว้ได้ จนกว่าจะสามารถดำเนินการไปได้ระยะเวลาหนึ่งที่ชุมชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมอย่างย่างยืน ภายใต้หลักคิด ความปลอดภัยนี้ ของชุมชน โดยชุมชน และเพื่อชุมชนสุดท้ายอยากได้งบประมาณอีกจำนวนหนึ่งมาสนับสนุนเพื่อเป็นบทพิสูจน์ว่าโครงการนี้ดำเนินการได้จริง
[+][-]
|
| ผู้แต่ง |
พ.ต.อ.พันกฤษณ์ วิชญชีวินทร์
|
| หน่วยงาน |
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองน้า ใส อ. บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น |
| ผู้สนับสนุน |
ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) |
| คำสำคัญ |
ชุมชนเข้มแข็ง; อปพร.; กฎหมายด้านการจราจร ; ป้องกันอุบัติเหตุ |
| หมวดหมู่ |
ชุมชนเข้มแข็งป้องกันอุบัติเหตุ; แนวทางการบังคับใช้กฎหมาย; การวางแผนป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน; การมีส่วนร่วมของชุมชน; บทบาทและการมีส่วนของภาคเอกชน |